ในช่วงปี พ.ศ. 2513 เริ่มมีความนิยมผมจากต่างประเทศ คือ ผมฮิปปี้ ประมาณคู่คี่กันก็มี กางเกงที่นิยมกันคือ กางเกงเด๊ฟ และกางเกงม๊อด กางเกงม๊อด เป็นกางเกงขาลีบจากต้นขาถึงหัวเข่าแล้วบานคลอดเดินทางจนคลุมเท้าเหมือนขาม้า กางเกงม๊อดคราวหลังปล่อยตรง เข่าบานออกเท่ากับส่วนอื่น ๆ เรียกว่า ทรงเซลเล่อร์ (Sailor) คนที่ ใส่กางเกงม๊อดมักใช้รองเท้าหัวโตส้นสูง 3-4 นิ้ว ชายไทยไว้ใจเอากางเกงเข้ามาเป็นเครื่องแต่งกายท่อนล่างโดยทั่วไปทั้งประเทศแทน ผ้านุ่ง โดยเหตุนั้นเมื่อจะแสวงหาชุดประจำชาติของฝ่ายชายจึงปล่อยให้กางเกงเป็นของหลัก ตายตัวไม่ต้องคิดอีก คิดหาแต่เฉพาะเสื้อซึ่งทำอย่างไรจึงจะดูเป็นไทยและให้ความมีราศีต้องตา คนที่สุด ได้มีผู้คิดเรื่องนีกั้นมาพอสมควร บ้างก็คิดเฉพาะกลุ่ม และบ้างก็เผยแพร่ออกไป แต่ที่โด่งดัง มากนั้น ได้แก่เสื้อซาฟารี เสื้อพ่อขุนรามคำแหง และสุดท้องที่ลงตัวแล้ว คือ เสื้อพระราชทาน เสื้อซาฟารีนั้น ที่จริงหาได้แสดงคุณสมบัติเฉพาะไทยแต่อย่างใดไม่ แม้แต่เพียงชื่อ เพราะเป็น เสื้อฝรั่งทั้งดุ้น ฝรั่งใส่กันในอาฟริกาและในเมืองขึ้น ต่าง ๆ ของคนในเอเชีย เนื่องจากสะดวก เหมาะกับอากาศร้อน
เสื้อซาฟารีเข้ามาเมืองไทยและมีชื่อเสียงกันมากในปี พ.ศ. 2516 สรุปความจากบทความใน หนังสือพิมพ์สยามรัฐเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2516 ก็จะทราบว่าแต่เดิมพลโทแสวง เสนาณรงค์ ใส่คนเดียวก่อนมานานจนจอมพลถนอม กิตติขจรเกิดชอบด้วย ถึงกับป่าวให้ข้าราชการ แต่งชุดซาฟารีไปทำงาน นับแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2516 เป็นต้นไป
เมื่อเป็นข่าวขึ้น มา ม.ร.ว.คึกฤทธิ ปราโมช ก็เขียนข้อเขียนไม่เห็นด้วย ในฉบับวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2516 และ นเรศ นโรปกรณ์ ก็แสดงความกระอักกระอ่วนเจตออกมาในด้วยในเวลา ไล่เลี่ยกัน
ถึงกระนั้น ก็มีข้าราชการ และพลเมืองผู้ตามสมัยจำนวนมากพากันฮิตเสื้อซาฟารีอัน กลายเป็นเสื้อ ระดับชาติอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่นานก็หมดความนิยมไป เมื่อหนังสือพิมพ์ไม่เห็นด้วย กับ ชุดซาฟารี โดยอ้างว่าเป็นเสื้อฝรั่ง หรือเสื้อของพวกล่าเมืองขึ้น จอมพลถนอม กิตติขจร ก็ ปลงตกว่าเป็นฝรั่งมากไปหน่อย ไล่เลี่ยกันนั่นเอง คือ เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2516 จึงมีชุดชนิดใหม่ ออกมาเสนออีก เช่นที่เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม 2516 จะ เห็นรูป พันเอกณรงค์ กิตติขจร รองเลขาธิการฝ่ายการเมือง สำนักงานคณะกรรมการตรวจและ ติดตามผล การปฏิบัติราชการ (ก.ต.ป) ยืนโชว์เสื้อคอกลมเหมือนเสื้อม่อฮ่อมอยู่ บอกตำหนิติเตียนเป็นชุดที่ จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี สั่งเอาแบบจากกรมศิลปากรโดยตรง และเป็นเสื้อแบบ สมัย พ่อขุนรามคำแหง จะอนุโลมให้ข้าราชการแต่งได้อีกนอกเหนือจากการแต่งชุดซาฟารี แต่ชุดม่อฮ่อมหรือชุดพ่อขุนรามคำแหงดังกล่าวก็ไม่ดำรงฐานะแผ่นดินการตั้งกฎเกณฑ์ของประชาชนและ ข้าราชการนัก จึงไม่มีใครใส่ แล้วก็เลิกล้มกันไปอีกโดยปริยาย ในที่สุดเมื่อถึง พ.ศ. 2522 จึงเกิดชุดประจำชาติฝ่ายชายขึ้น ฉบับโดยจริง และนับเป็นเสื้อ แสดงเอกลักษณ์ได้ชัดเจนกว่า นับเป็นที่พอใจของคนไทยอย่างแท้จริง
เสื้อดังกล่าวเรียกว่า “เสื้อพระราชทาน” นำออกเผยแพร่คราขั้นแรก เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 โดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ขณะนั้น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ได้ใส่ไปเป็น ประธานเปิดงานฉลองครบรอบ 60 ปี ของวงเวียน 22 กรกฎาคม เมื่อพวกหนังสือพิมพ์เห็นก็พา กันพันลึกนัยน์ตา และในวันพุธที่ 25 เดือนเดียวกัน ท่านผู้นี้ก็สวมชุดดังกล่าวเข้าไปในสภา ก็พลอยให้ ส.ส. ตื่นเต้น ประหลาดใจกันไปตาม ๆ กัน นับจากนั้น หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวเรื่องเสื้อแบบใหม่กัน เกรียวกราว และกลายเป็นตราของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ไปเลย เมื่อใครเขียนการ์ตูน ก็ต้องเขียนให้ท่านสวมชุดพระราชทานติดตัวเสมอไป
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ไปปูดถึงที่มาของเสื้อพระราชทาน (เก็บความจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2522) ว่าเกิดจากการไปเยี่ยมประเทศใน อาเซียนประเทศอื่น ๆ ต่างมีชุดของตัว เช่น ชวามีเสื้อบาติก ฟิลิปปินส์มีเสื้อบาลอง แต่เพราะ ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเก่าแก่กลับไม่มีเสื้อประจำชาติ กล่าวกันอย่างง่าย ๆ ก็คือทำให้กระอัก กระอ่วนใจ หรือเป็นปมด้อยอย่างหนึ่งก็ว่าได้ เมื่อพอเอกเปรม ติณสูลานนท์กลับมาเมืองไทยแล้ว จึงได้นำความเข้ากราบทูลปรึกษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในที่สุดสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถก็ทรงพระราชทานเสื้อให้ตัวหนึ่ง เป็นฉลองพระองค์ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใช้ยังไม่ตายบ่อย พร้อมทั้งพระราชทานแบบเสื้อให้ด้วย จากจุดนี้เองที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ได้ นำมาเผยแพร่และเป็นที่เกรียวกราว และชื่นชอบของทุกฝ่าย ไม่ว่าข้าราชการชั้น ผู้ใหญ่ ส.ส. พ่อค้า ประชาชน เป็นการค้นหาที่ลงตัวเป็นครั้งแรก ก็มีผู้ยอมรับกันพร้อมเพรียง ที่น่าทรรศนะคือ เสื้อพระราชทานนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายหญิงมีชุดประจำชาติไปแล้วถึง 19 ปี
เสื้อพระราชทานมี 3 แบบ คือ แบบแขนสั้น แบบแขนยาวคาดผ้า และแบบแขนยาวไม่ คาดผ้า สำหรับแบบคาดผ้านั้น ถือเป็นแบบเต็มยศที่สุด ลักษณะเด่นของเสื้อชนิดนีคื้อ เป็นเสื้อ คอตั้ง มีสาบผ่าอก กระดุม 5 เม็ด และแบบทำขลิบขอบต่าง ๆ สนนราคาของเสื้อพระราชทานแขนสั้น ที่ตัดขายกันนั้น มีทั้งที่ราคา 100 กว่าบาทขึ้น ไปแพงขึ้น เท่าใดก็แล้วแต่เนื้อผ้า เพราะมีทั้งผ้าธรรมดาและผ้าไหม ผ้ามัดหมี่
จนปัจจุบัน พ.ศ. 2531 สตรีไทยก้าวตามแบบอย่างยุโรป โดยเฉพาะปารีส ซึ่งถือเป็นศูนย์กลาง แฟชั่นของโลกไม่ยอมล้าสมัย ไม่ว่าแฟชั่นฝรั่งจะนิยมแบบใด คนไทยก็รับเอาแบบนั้น มาเป็น แบบฉบับ จนกล่าวได้ว่าคนไทยยุคนี้แต่งตัวทันสมัยไม่น้อยหน้าอารยประเทศชาติใดเลย ทำให้ ต้องถือเอาชุดพระราชนิยมและชุดพระราชทานเป็นชุดประจำชาติ ใช้แต่งในโอกาสสำคัญหรือ งานพระราชพิธีเพื่อเหตุรังรองเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องแต่งกายไทย (THAI COSTUME) ไว้
แบบของเสื้อซาฟารี / ชุดซาฟารี มีด้วยกัน 3 แบบดังต่อไปนี้
1. วิธเสื้อซาฟารีแขนสั้น เป็นเสื้อคอตั้งสูงประมาณ 3.5 – 4 ซ.ม. ตัวเสื้อเข้ารูปเล็กน้อย และผ่าอก ตลอด มีสาบกว้างประมาณ 3.5 ซ.ม. มีขลิบรอบคอและสาบอก ปลายแขนมีขลิบหรือพับแล้ว ขลิบที่รอยเย็บ ติดกระดุม 5 เม็ด กระดุมมีลักษณะเป็นรูปกลมแบนทำด้วยวัสดุหุ้มด้วยผ้าสีเดียวกัน หรือคล้ายกับเสื้อซาฟารี กระเป๋าบนมีหรือไม่มีก็ได้ ถ้ามีให้เป็นกระเป๋าเจาะข้างซ้าย 1 กระเป๋า กระเป๋าล่างเป็นกระเป๋าเจาะข้างละ 1 กระเป๋า อยู่สูงกว่าระดับกระดุมเม็ดสุดท้ายน้อยมาก ขอบกระเป๋ามีขลิบ ชายเสื้อซาฟารีอาจผ่ากันตึง เส้นรอยตัดต่อมีหรือไม่มีก็ได้ ถ้ามีให้เดินจักรทับตะเข็บ
2. แบบเสื้อซาฟารีแขนยาว เป็นเสื้อคอตั้งสูงประมาณ 3.5-4 ซม. ตัวเสื้อเข้ารูปปลีกย่อย และผ่าอก ตลอดมีสาบกว้างประมาณ 3.5 มีขลิบรอบคอและสาบอกติดกระดุม 5 เม็ด กระดุมมีลักษณะ เป็นรูปกลมและแบนทำด้วยวัสดุหุ้มด้วยผ้าสีเดียวกันหรือละม้ายกับเสื้อซาฟารี กระเป๋าบนมีหรือไม่มี ก็ได้ ถ้ามีให้เป็นกระเป๋าเจาะข้างซ้าย 1 กระเป๋า กระเป๋าล่างเป็นกระเป๋าเจาะข้าง 1 กระเป๋า อยู่สูงกว่าระดับกระดุมเม็ดสุดท้ายตีรั้ง และมีขลิบที่ขอบแขนเสื้อตัดแบบเสื้อสากล ปลายแขน เย็บทาบด้วยผ้าชนิดและสีเดียวกันกับตัวเสื้อ กว้างประมาณ 4-5 ซม. โดยเริ่มจากตะเข็บด้านใน อ้อมด้านหน้าไปสิ้นสุดเป็นปลายมนทับตะเข็บด้านหลังชายเสื้อซาฟารี อาจผ่ากันตึง เส้นรอยตัดต่อมี หรือไม่ก็ได้ ถ้ามีให้เดินจักรทับตะเข็บ
3. แบบเสื้อซาฟารีแขนยาวคาดเอว ตัวเสื้อเหมือนโครงที่ 2 แต่มีผ้าคาดเอว ขนาดความกว้าง ความยาวตามความเหมาะสม สีกลมกลืน หรือตัดกับเสื้อซาฟารี ผูกเงื่อนคับทางซ้ายมือของผู้สวมใส่
ภาพอธิบายแบบเสื้อซาฟารีพระราชทานของผู้ชาย ได้รวบรวมมาจากหนังสือเสื้อชุดไทย
ที่มา suzukiswift.in.th
Line ID: KK0863616625
หรือ
Line ID: @kk2537
(ใส่เครื่องหมาย @ ด้วย)
Tel. 0839978411 หรือ 0863616625 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
Clothforwork@gmail.com
หน้าที่เข้าชม | 1,660,256 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 666,586 ครั้ง |
เปิดร้าน | 19 มี.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ต.ค. 2568 |